ธันวาคม 18, 2024
ในปัจจุบันตู้เซฟนิรภัยมีความสำคัญ และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมีราคาย่อมเยา และสามารถซื้อได้ในราคาที่สบายกระเป๋า ทั้งยังมีให้เลือกหลากหลายขนาดที่ครอบคลุมทุกความต้องการต่อผู้ใช้งาน เพื่อดูแลทรัพย์สินภายในบ้าน สำนักงาน หรือในบริเวณที่ต้องการให้ปลอดภัยจากอาชญากร
เนื่องจาก สภาพสังคมในปัจจุบันมีความเจริญยิ่งขึ้น ผู้คนต้องทำงานแข่งกับเวลา และสภาวะเศรษฐกิจที่เสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ ทำให้ปัญหาอาชญากรรมพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเราอาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ทุกเมื่อ ดังนั้น การมีตู้เซฟติดไว้ในอาคารย่อมมีส่วนช่วยในการปกป้องทรัพย์สินสำคัญได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ การตรวจสอบการใช้งานของตู้เซฟนิรภัยอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ตู้เซฟของคุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น ในบทความวันนี้ Naradee จะมาเผยสาเหตุที่ควรตรวจสอบตู้เซฟ พร้อมแนะนำ 5 จุดที่ควรตรวจสอบตู้เซฟนิรภัยเป็นประจำ เพื่อให้เจ้าของตู้นิรภัยทุกท่านได้ใช้งานอย่างลื่นไหล เมื่อพบปัญหาก็สามารถติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญได้ในทันที จะมีอะไรบ้าง หากพร้อมแล้วเราไปดูกันได้เลย
ตู้เซฟนิรภัย คือ ตู้ที่ถูกออกแบบมาไว้เก็บรักษาทรัพย์สินสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย โดยส่วนมากจะถูกนำไปใช้ในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ธนาคาร และสำนักงาน เป็นต้น ซึ่งสถานที่เหล่านี้จำเป็นต้องมีระบบปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันการบุกปล้นของอาชญากร ทั้งยังช่วยดูแลทรัพย์สินให้ปลอดภัย ไม่ทรุดโทรมจากสภาพแวดล้อมภายนอก
อย่างไรก็ตาม ทุกท่านอย่าลืมตรวจสอบตู้เซฟนิรภัยเป็นประจำ เพื่อดูแลตู้เซฟของคุณให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยเหตุผลที่ควรตรวจสอบตู้เซฟนิรภัยให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย มีดังนี้
การเช็กความเสถียรของตู้เซฟอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันการโจรกรรม นับเป็นสาเหตุแรกที่ทุกท่านควรตรวจสอบการใช้งานอยู่เสมอ เนื่องจาก ตู้เซฟนิรภัยมีคุณสมบัติในการรักษาทรัพย์สินมีค่าให้ปลอดภัยจากอาชญากร หากตู้เซฟของคุณมีจุดชำรุดอาจทำให้เกิดการโจรกรรมได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีควรตรวจสอบจุดชำรุดของตู้เซฟเป็นประจำ เพื่อให้ตู้เซฟนิรภัยสามารถทำหน้าที่ในการป้องกันการลักทรัพย์ได้เต็มประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ควรตรวจสอบตู้เซฟนิรภัยให้สามารถใช้งานได้เสถียรอยู่ตลอดเวลา เพื่อจัดเก็บทรัพย์สินมีค่าให้อยู่ในตู้เซฟได้อย่างปลอดภัย หากพบว่ามีจุดอื่น ๆ ในตู้เซฟชำรุด ไม่ว่าจะเป็น จุดสแกนลายนิ้วมือ จุดป้อนรหัสผ่าน รวมถึงแบตเตอรี่ อาจทำให้ตู้เซฟของคุณไม่สามารถดูแลทรัพย์สินมีค่าให้ปลอดภัยจากการถูกลักขโมย หรือสิ่งของเหล่านั้นอาจหล่นหายได้ทุกเมื่อ
แม้หลายคนจะคิดว่าหากตู้เซฟนิรภัยเกิดการชำรุดนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป แต่อย่าลืมว่าหากพบปัญหาได้เร็วเมื่อไหร่ คุณก็ยิ่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้เร็วขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ หากพบว่าตู้เซฟเกิดการชำรุด หรือเสียหายควรติดต่อไปที่บริษัท หรือตัวแทนที่จำหน่ายตู้เซฟโดยตรง เพื่อให้ทางบริษัทดำเนินเรื่องแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากบริษัทไม่มีบริการหลังการขาย แนะนำให้ติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ และไม่ควรงัดแงะ ทุบ หรือทำลายตู้เซฟ เพื่อที่จะนำของที่มีค่าออกมา เนื่องจาก การทำลายตู้นิรภัยอาจทำให้ทรัพย์สินที่อยู่ในตู้เสียหาย ทั้งยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บอีกด้วย
หลายคนมักมองข้ามเรื่องการตรวจสอบตู้เซฟนิรภัย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ซึ่งตามความคิดที่ว่าหากตู้เซฟที่เลือกซื้อมามีคุณภาพ อาจไม่เกิดความเสียหาย หรือชำรุดขึ้นได้ แต่อย่าลืมว่าตู้เซฟนิรภัยสามารถเกิดปัญหาขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งจุดที่ควรตรวจสอบเป็นประจำเพื่อการใช้งานตู้เซฟได้เต็มประสิทธิภาพมีอยู่ด้วยกัน 5 จุด ดังนี้
โดยปกติแล้วตู้เซฟนิรภัยที่มีระบบล็อกแบบดิจิตอล จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ขนาด 4AA ทำให้ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ หากแบตเตอรี่หมดจะทำให้ระบบตู้เซฟไม่สามารถเข้ารหัสผ่านได้ ดังนั้น ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นประจำทุก 3-6 เดือน เพื่อให้ตู้เซฟนิรภัยของคุณสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล และเปิดใช้งานได้ทุกเมื่อ
อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรมองข้าม คือ รหัสผ่าน เนื่องจาก ในบางครั้งผู้ใช้งานตู้เซฟอาจไม่ได้ทำการเปิดตู้เซฟนิรภัยเป็นประจำ ซึ่งอาจทำให้เกิดความหลงลืมรหัสผ่านได้ทุกเมื่อ ทั้งยังมีกรณีที่กดรหัสผ่านถูกต้องแล้วแต่ไม่สามารถเข้าถึงตู้เซฟได้ แนะนำให้ตรวจสอบอีกทีว่าตู้เซฟของคุณมีระบบล็อก 2 ชั้นหรือไม่
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกดรหัสผ่านได้ไม่ควรพยายามซ่อมตู้เซฟด้วยตัวเอง แนะนำให้แจ้งกับทางบริษัทที่จำหน่ายในทันที เพราะบางบริษัทจะมี Master Key ไว้เปิดโดยเฉพาะ รวมถึงบริษัทผู้จัดจำหน่ายจะมีช่างผู้เชี่ยวชาญคอยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด มั่นใจได้เลยว่าตู้เซฟนิรภัยของคุณจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
ในกรณีที่เกิดปัญหากับจุดสแกนลายนิ้วมือของตู้เซฟ เมื่อสแกนนิ้วมือแล้วหน้าจอขึ้นสถานะถูกต้อง แต่ประตูของตู้เซฟไม่เปิด สิ่งที่คุณสามารถทำได้ทันที คือ การสังเกตตรงจุดสแกนลายนิ้วมือให้ดีว่าในบริเวณนั้นมีจุดสกปรกหรือไม่ หากมีแนะนำให้เช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ หากประตูของตู้นิรภัยยังไม่เปิดอาจเป็นไปได้ว่าแผงวงจรเสีย จึงทำให้ระบบของตู้เซฟรวน ทางที่ดีควรแจ้งกับบริษัทในทันที เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญประจำบริษัททำการเปลี่ยนแผงวงจรให้ เพียงเท่านี้ตู้เซฟนิรภัยของคุณก็จะกลับมาทำงานได้ปกติแล้ว
จุดสำคัญที่ควรตรวจสอบการใช้งานของตู้เซฟอยู่เป็นประจำ คือ สวิตช์แจ้งเตือนสถานะเปิด-ปิดของตู้เซฟ โดยปกติเมื่อสแกนนิ้วมือแล้วจะขึ้นปุ่ม CHG และ OPEN เรียงตามลำดับ แต่หากทำการเปิดตู้นิรภัยแล้วไม่ขึ้นแจ้งเตือนปุ่มใดปุ่มหนึ่ง ควรนำตู้เซฟไปให้ช่างประจำบริษัทผู้จัดจำหน่ายตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันปัญหาแผงวงจรเสียตามมา
จุดสุดท้ายที่ควรตรวจสอบให้ดี คือ บานประตู หากประตูเกิดความขัดข้องอาจทำให้คุณไม่สามารถเปิดใช้งานตู้เซฟ เพื่อหยิบทรัพย์สินที่มีค่าได้ทันที อย่างไรก็ตาม หากเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นลองติดต่อบริษัทในทันที เพื่อขอคำแนะนำ รวมถึงแนวทางการแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างตรงจุด
ทั้งหมดนี้ก็คือ วิธีการตรวจสอบตู้เซฟนิรภัยที่สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพื่อให้คุณดูแลสิ่งของมีค่าให้ปลอดภัยอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี หากคุณกำลังมองหาตู้เซฟนิรภัยคุณภาพดี ได้มาตรฐาน จากประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถเลือกตู้เซฟจาก Naradee ไปใช้งานกันได้เลย สำหรับใครที่สนใจติดต่อเราได้ที่
Line: @naradee
Website: Naradee.com
Product Category: Small & Medium Safe
Shopee: Naradee Store
Lazada: Naradee Store
Inbox: Naradee Store